ข้อน่ารู้ของการถวายฎีกา

        ถาม     ประชาชนหรือนักการเมืองยื่นถวายฎีกาต่อกษัตริย์ได้หรือไม่ ?

            ตอบ     รัฐธรรมนูญไทยกำหนดว่า หลักถวายฎีกาต้องเป็นไปตามกฎหมายหรือจารีตประเพณี หากกฎหมายไม่ได้บัญญัติข้อยกเว้นไว้หรือไม่ได้กล่าวถึง ก็ต้องพิจารณาจารีตประเพณีโบราณว่าเคยมีการทำได้หรือไม่ ถ้าไม่มีกฎหมายบอกไว้ และจารีตประเพณีกระทำกันได้ การถวายฎีกาจึงทำได้ ส่วนผู้ยื่นฎีกาต่อกษัตริย์ไทยนั้น ต้องเป็นประชาชนสัญชาติไทย นักการเมืองถือเป็นประชาชนสัญชาติไทยเช่นเดียวกัน

            ถาม     การถวายฎีกามีหลักการขออะไรได้บ้าง ?

            ตอบ     ตามจารีตประเพณีโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบันกษัตริย์ไทยทรงรับฎีกาจากประชาชนสืบทอดกันมาทั้งแบบวาจาหรือลายลักษณ์อักษร มักเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนทุกข์ยากสารพัดเรื่องที่ประชาชนเชื่อว่า กษัตริย์จักช่วยคลี่คลายปัญหาของพวกเขาได้ ความไม่เป็นธรรมของข้าราชการจากคำตัดสินของผู้บริหาร ส่วนการขออภัยโทษก็เป็นเหตุหนึ่งที่กำหนดไว้ในประมวลวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งยอมให้นักโทษยื่นถวายฎีกาขอลดหย่อนผ่อนโทษได้ ทั้งนี้นักโทษนั้นต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญาเท่านั้น ส่วนกรณีความผิดในกฎหมายอื่นจะเป็นการฎีกาตามจารีตประเพณี ทุกฎีกาทั้งตามกฎหมายหรือจารีตประเพณีล้วนขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัยเท่านั้น

            ถาม     ฎีกาเกี่ยวข้องกับนักการเมืองเคยมีมาก่อนหรือไม่ ?

            ตอบ     ประมาณปีพ.ศ. 2549 นักการเมือง นักวิชาการสูงวัย และราชนิกูลสูงอายุบางส่วนยื่นฎีกาให้ปลดอดีตนายกฯคนหนึ่งและแต่งตั้งนายกฯคนใหม่โดยให้กษัตริย์ใช้อำนาจในมาตรา 7 ของ รธน.ปีพ.ศ.2540 ด้วยเหตุไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ต่อมามีพระราชวินิจฉัยว่า ข้อเสนอในฎีกาฉบับนั้นเป็นการทำมั่ว ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยที่จะปลดนายกฯซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยไม่กระทำตามกติกาในรัฐธรรมนูญ ฎีกานั้นก็ตกไปและคนกลุ่มนั้นไม่กล้าแย้งหรือยันยันความเห็นของตนอีก จึงหันไปใช้วิธีการนอกระบบเพื่อบรรลุเป้าหมายของพวกเขา อีกกรณีหนึ่งที่น่าสนใจคือ การฎีกาขอความเป็นธรรมของข้าราชการระดับสูง ก็เคยมีการยื่นมาแล้ว ประชาชนชาวแฟลตดินแดงยื่นฎีกาขอพระเมตตามิให้มีการทุบอาคารและเลือกใช้วิธีอื่นแก้ไขเพื่อลดความเดือดร้อนของชาวบ้าน ก็ทำมาแล้ว ทั้งสามฎีกานี้เป็นการยื่นโดยอาศัยจารีตประเพณีโบราณ เพราะไม่มีกฎหมายกำหนดรูปแบบหรือหลักการเฉพาะไว้ ประชาชนจึงมีสิทธิยื่นถวายฎีกาเพื่อบอกเล่าความทุกข์เดือดร้อนได้ด้วยหวังความช่วยเหลือจากพระบิดาของปวงชนชาวไทย

            ถาม     หลักกฎหมายเรื่องการยื่นฎีกาเพื่อแสวงหาความเป็นธรรมหรือขออภัยโทษให้นักการเมืองโดยประชาชนทำได้หรือไม่ ?

            ตอบ     เราต้องแยกออกเป็นสองเรื่อง คือ การแสวงหาความเป็นธรรมเป็นการบอกเล่าความทุกข์ยากและอยุติธรรมในแผ่นดินโดยร้องขอความเป็นธรรมด้วยการถวายฎีกาต่อกษัตริย์ ซึ่งกระทำได้ตามหลักจารีตประเพณีโบราณ ส่วนการขออภัยโทษให้นักการเมืองนั้น ต้องพิจารณาก่อนว่าใช้สิทธิ์ตามกฎหมายใด หากนักการเมืองรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญาก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในประมวลวิธีพิจาราณาความอาญา ในทางตรงกันข้ามการรับโทษจากกฎหมายอื่นซึ่งมิได้บัญญัติเรื่องการยื่นฎีกาได้หรือไม่ ก็ต้องไปใช้หลักจารีตประเพณีโบราณ เนื่องจากประเทศไทยใช้หลักประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นพระประมุขปกครองประเทศทำให้การยื่นถวายฎีกาตามประเพณีโบราณยังรักษาสืบทอดมาต่อเนื่อง

            ถาม     การขัดขวางมิให้ฎีกาไปอยู่ในพระราชวินิจฉัยกระทำได้หรือไม่ ?

            ตอบ     ขั้นตอนการรับฎีกาเป็นระเบียบภายในของสำนักพระราชวัง บุคลากรที่ดูแลขั้นตอนต่างๆต้องมีจิตสำนึกในหน้าที่ของตน ประชาชนควรเชื่อมั่นในการทำงานของพวกเขาว่าจะซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ การปิดเรื่องกลบข่าว คือ ความไม่จงรักภักดี

            ถาม     มีกำหนดเวลาทราบผลของฎีกาหรือไม่ ?

            ตอบ     สิทธิยื่นถวายฎีกาเป็นของคนไทยในฐานะลูกหลานของพระบิดาแห่งปวงชนชาวไทย ส่วนพระราชวินิจฉัยในฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะของกษัตริย์

                                                                                                       **********************

70 thoughts on “ข้อน่ารู้ของการถวายฎีกา

  1. ขอบคุณครับที่ทุกถ้อยคำเป็นคำตอบที่ได้ใจครับ แต่ถ้าผมจะถวายฎีกาควรเร่มดำเนินการอย่างไรครับ

    1. การถวายฎีกาทำได้ตลอดเวลา แต่จะได้หรือไม่ตามที่ขอไว้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไปตามหารายละเอียดและขั้นตอนที่สำนักพระราชวังได้

      1. หนูอยากจะถวายฎีกาแก่ในหลวงแต่หนูไม่รู้ต้องทำยังไงเพราะบ้านของปู่กับย่าของหนูจะพังแล้ว แต่หนูยังไม่รู้จะทำยังไงเพราะหนูก้ไม่มีเงินที่จะทำบ้านใหม่ให้ปู่กับย่าของหนูเลยแล้วปู่กับย่ายังต้องเลี้ยงหลานอีกสองคนแล้วท่านทั้งสองอายุ 89 ปีแล้ว แถบย่าของหนูยังมองไม่เห็นอีกหนูอยากจะขอบ้านให้แก่ได้อยู่ได้ใช้ชีวิตที่ดีแล้วไม่ต้องกล้วว่าบ้านจะพังมาใส่ตอนไหน ช่วยบอกหนูหน่อยน่ะค่ะ

  2. สามารถยืนถวายฎีกาต่อพระองค์ท่านได้กี่ครั้ง

    1. ไม่มีข้อจำกัดว่าทำได้กี่ครั้ง แต่ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคำขอจะได้รับตามที่ขอนะ อาจไม่ได้รับก็ได้ การร้องเรียนขึ้นไปเพื่อขอรับความเป็นธรรมก็ทำได้ด้วย แต่จะได้รับคำตอบหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นพระราชวินิจฉัยส่วนพระองค์

  3. จะถวายฎีกาเกี่ยวกับการขอพระราชทานโครงการคลองชลประทานได้หรือไม่เนื่องที่นาที่บิดาหนูทำอยู่น้ำไปไม่ถึง และเกิดปัญหาแย่งน้ำกัน เคยไปขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยน้ำไปให้มากกว่านี้แต่ไม่เคยมีน้ำไปถึงที่นาของชาวนาที่อยู่ตอนล่างไกล ๆ เลย นาที่ไถไว้ดินแห้งไม่มีน้ำที่จะเข้านาเลยและไม่ได้หว่านข้าวเลย และเคยมีข้อพิพาทกันเรื่องแย่งน้ำกัน ก็เลยอยากให้ทางกรมชลประทานสร้างคลองส่งน้ำ และได้ขอไปทางตัวแทน (ส.ส.) เขาก็ไม่ได้มาสนใจเลย ก็เลยอยากจะขอถวายฏีกาเพื่อขอรับพระราชทานโครงการนี้ก่อนที่ชาวนาบางส่วนจะไม่มีข้าวกินค่ะและไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้แล้ว โปรดแนะนำด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

    1. ทุกเรื่องเดือดร้อนที่ชาวบ้านต้องการและไม่มีที่พึ่งพาอีก สามารถยื่นเรื่องถวายฎีกาได้ ด้วยการเขียนจดหมายด้วยลายมือ บรรยายด้วยถ้อยคำสุภาพ มีเหตุผลประกอบน่าเชื่อถือ บอกสิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือ ลงชื่อ ที่อยู่ติดต่อให้ชัดเจน สิ่งพึงระลึกคือ มิใช่ว่าทุกคำขอจะได้รับการตอบรับตามต้องการเสมอ จึงควรทำใจไว้ก่อน อย่าหวังจนเกินไปด้วย ขอให้คำขอของคุณสมหวังนะ ใจกล้า บอกเล่าความทุกข์และความต้องการของชาวนาไทยกลุ่มนี้ ขอชื่นชมล่วงหน้าเลย

  4. อยากทราบวิธีการติดต่อถวายฎีกา ไม่ทราบว่าต้องส่งเป็น e-mail หรือ เขียนจดหมาย

    1. ต้องเขียนเป็นจดหมายส่งถึง สำนักพระราชวัง พึงระลึกด้วยว่า มิใช่ทุกคำขอจะได้รับความสำเร็จดังใจหมาย เป็นไปตามพระราชวินิจฉัยเท่านั้น

  5. ถ้าเขียนฎีกาถวายในหลวงแล้วส่งที่ไหนครับ

    1. เขียนเป็นจดหมายด้วยลายมือหรือพิมพ์ดีดส่งไปยัง สำนักพระราชวัง ขอแนะนำให้หาที่อยู่ทางเนตผ่านกูเกิลก็ได้

      1. สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นภรรยา จากเคส 4อส.ถูกยิง ในโรงเรียนบ้านบูโกะ ต.ประจัน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่10มกราคม2562ที่ผ่านมา ในหลวงได้มอบให้องคมนตรี พลเอกพิบูลย์ฯ มาเยี่ยม และทรงห่วงใยถึงอาชีพที่ภรรยาจะทำ เพื่อดูแลบุตรกำพร้า ทางผู้ว่าได้ชี้แจงว่าจะให้ทำงานแทนตำแหน่งของสามี ทางอำเภอยะรังได้ดำเนินการส่งหลักฐานของภรรยาแล้ว แต่ขณะนี้ผ่านไป 5 เดือน.ยังไม่มีความคืบหน้า ดิฉันต้องทำอย่างไร

      2. ท่านต้องทำจดหมายติดตามความคืบหน้าเรื่อง การทำงานแทนตำแหน่งของสามีซึ่งท่านผู้ว่าฯได้รับปากไว้และทางอำเภอยะรังได้ส่งเอกสารไปตามขั้นตอนแล้วตั้งแต่เมื่อไร ก็เขียนบอกให้ชัด ส่งจดหมายตรงถึงท่านผู้ว่าฯโดยไปยื่นจดหมายด้วยตัวเอง จะดีที่สุด หรือ ส่งทางป.ณ. ก็ได้ จากนั้นก็รอคำชี้แจงต่อไป ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ การติดต่อกับราชการ ต้องใจเย็นและตามงานถี่ยิบเพื่อทราบคำตอบ สำหรับประชาชนก็ทำได้แค่นี้ หากเกิน 1 เดือน ยังไม่มีคำตอบ ก็ส่ง จดหมายฎีกาแจ้งความไม่คืบหน้าไปยัง สำนักพระราชวัง อีกทางได้ เพราะเป็นเรื่องที่เริ่มต้นไว้จากจุดนั้น เมื่อไม่คืบหน้าก็อาจขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานดังกล่าวได้ หวังว่าคำตอบนี้จะเป็นประโยชน์แก่ท่าน ขอเป็นกำลังใจให้ท่านได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาด้วย

  6. สวัดดีค่ะดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจเป็นอย่างมาก….ในคดีที่ไม่น่าจะถวายฎีกาถ้าฟังจากหัวข้อเรื่อง แต่ดิฉันต้องทำเพื่อความยุติธรรมให้กับสามี…
    คดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่ถึง15ปี….ตัดสินให้จำคุก30ปี….คดีนี้สามารถถวายฎีกาได้หรือไม่ค่ะ…ช่วยตอบหน่อย…ขอบพระคุณที่ให้คำแนะนำล่วงหน้า

    1. ถ้าเป็นคดีความในศาลควรต้องแก้คดีในศาล การถวายฎีกามิใช่ทางเลือกที่เหมาะสมแน่นอนและจะได้รับคำตอบคือต้องเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินคดีที่ศาลเท่่านั้น อย่าลืมว่า คำตัดสินคดีโดยศาลทำใต้พระปรมาภิไธยของกษัตริย์อยู่แล้ว ถ้าตีความหมายตรงๆคือ เป็นคำตัดสินโดยตัวแทนกษัตริย์ อยากแนะนำให้ต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานที่ศาลโดยปรึกษากับทนายเรื่องข้อต่อสู้กับผู้กล่าวหาน่าจะดีที่สุด

  7. อยากถวายฎีกาลูกสาวป่วยพิการยังไม่รุ้สาเหตุแน่ชัดและวิธีรักษา ทำได้ไหมค่ะ

    1. การฎีกาเรื่องนี้ทำได้ แต่ควรมีเหตุผลอันควรมากพอ เช่น ไปใช้บริการแพทย์มาแล้ว ทำจนเต็มที่แล้ว เป็นต้น เพราะท่านฎีกา ก็มักถูกส่งฎีกาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบก่อนจะตอบท่านและอีกทางหนึ่งท่านอาจไม่ได้คำตอบที่ต้องการก็ได้ โปรดทำใจด้วย มันเป็นพระราชวินิจฉัยส่วนพระองค์

  8. ขอเรียนปรึกษาดังนี้ครับ
    กระผมทำงานอยู่ธนาคารรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ประจำสาขา เหตุการมีอยู่ว่า กระผมเป็นกรรมการรักษาและตรวจนับเงินสด ซึ่งมีอยู่ 3 คน โดยวันหนึ่งคณะกรรมการหนึ่งคนได้นำเงินเก็บในตู้เซฟ โดยทำการปิดกุญแจเพียงคนเดียวทั้ง 3 ดอก(ด้วยความไว้ใจและความเคยชิน ซึ่งปกติกระผมไม่ได้เป็นกรรมการถาวรแต่คณะกรรมการถาวรลา 2 คน กระผมจึงได้เป็นกรรมการชั่วคราวแทนและเป็นครั้งแรก) และเมื่อปิดเสร็จได้นำกูญแจเซฟมาให้กระผมและกรรมการอีกหนึ่งคน ซึ่งตามระเบียบคำสั่ง กรรมการต้องปิดพร้อมกันทั้งสามคน และต่อมากรรมการที่ปิดกุญแจ ได้ยักยอกเงินจากตู้เซฟไปจำนวนหนึ่งซึ่งจำนวนเยอะมากหลักแปดหลัก โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน โดยวิธีการเขาได้ล็อกเพียงดอกเดียวที่เขามีอยู่ จึงสามารถเปิดตู้เซฟและนำเงินออกจากเซฟได้ โดยกระผมยอมรับผิดว่าประมาท ทำให้เลินเล่อธนาคารได้รับความเสียหาย แต่ธนาคารจะลงโทษกระผมโดยให้ชดใช้เงินจำนวน 8 หลัก กระผมคงไม่มีปัญญา เพราะเงินเดือนน้อยคงเหลือต่อเดือนประมาณ 5,000.- บาทไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร อายุ 33 ปี พ่อแม่ไม่มี ไม่มีกำลังใจในการทำงานท้อ แท้สิ้นหวัง หมดอนาคต กับการต้องชดใช้เงินจำนวนมหาศาล ถ้าจะลงโทษขอให้เห็นแก่เด็กคนหนึ่งให้มีชีวิตอยู่ แบบมีข้าวกินก็ยังดี กระผมขอปรึกษาและขอคำชี้แนะครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ

    1. กรณีเรื่องของท่านถือว่า ท่านน่าจะทำผิดระเบียบวินัย แต่ไม่ได้ทำทุจริตยักยอกเงินนี้ไป ส่วนความรับผิดชอบทางวินัยจะมีแค่ไหน คงต้องคุยกันตามหนักเบาของพฤติการณ์ กรณีนี้เมื่อการเรียกค่าเสียหายจากท่านเกินควร ก็ต้องต่อสู้ข้อเท็จจริงและรับผิดเพียงเท่าที่ท่านทำผิดวินัย อยากให้ปรึกษากับ ทนายความ เพื่อเป็นที่ปรึกษาว่าควรต่อสู้กับการสอบสวนจากหน่วยงานของท่านอย่างไร ถ้าไม่ต่อสู้ก็เท่ากับรับผิดตามจำนวนเงินที่เขาบอกอย่างเดียว หากท่านจะสู้ก็ต้องมีเหตุผลและข้อก.ม.สู้ด้วย จึงควรนำเรื่องไปปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำ ขอย้ำว่า การปรึกษาทนาย ต้องเสียเงินค่าปรึกษาด้วย ถ้าต้องการฟรี ก็ต้องปรึกษากับสภาทนายความประจำจังหวัดของท่าน หรือ ใช้บริการของคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยใหญ่ประจำจังหวัดก็ได้

  9. เรียนปรึกษาปัญหาและขอคำแนะนำ
    ผมเป็นลูกชาวนาพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็กเพื่อตามหาฝันผมหิ้วกระเป๋าเข้ากรุงเทพดิ้นรนเรียนหนังสือเมื่อปี2529ได้รับราชการเป็นผู้ช่วยพยาบาล ระดับซี 1แต่ผมต้องการก้าวหน้า จึงพยายามเรียนต่อจนจบปริญตรีโดยกู้เงินสหกรณ์ ปัจจุบันเป็นพยาบาลวิชาชีพระดับซี 7 ต่อมาได้กู้เงินปลูกบ้าน ผมมีรายได้ทั้งเงินเดือนและโอที ก็พอผ่อนส่งเขาได้ เมื่อปี 2550 ผมมีอาการป่วยคือเป็นทั้งเบาหวาน มีตับอักเสบซีและตับเริ่มแข็ง ซึ่งผมได้รับเชื้อจากการทำงานอาการป่วยทำให้ร่างกายอ่อนแอไม่สามารถจะทำงานโอทีได้เงินไม่พอค่าใช้จ่าย และผมต้องส่งลูก2 คนเรียนในมหาวิทยาลัยไม่รู้จะหาเงินที่ไหนส่งสงสารลูกมาก แต่ผมมีที่ดินอยู่ 22 ไร่รวมพี่น้อง (ใน 22 ไร่เป็นที่ดินผม 7 ไร่)ห่างถนนสายกรุงเทพฯ-อ.เกษตร ฯ 100 เมตร อยู่เขต อ.ปทุมรัตต์ จ. ร้อยเอ็ด จะขายไร่ละ 250,000 เพื่อแก้ไขหนี้สินรักษาตัวและส่งให้ลูกเรียน เคยประกาศขายแต่ยังขายไม่ได้จึงอยากขอความช่วยเหลือ ขอบคุณครับ

  10. ผมเป็นพยาบาล เมื่อปี 2538 เคยถูกเข็มฉีดยาทิ่มตำต่อมาเมื่อปี 2550 มีอาการป่วยขาเท้าบวมเหนื่อยอ่อนเพลีย ไปตรวจพบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบชี มีอาการตับแข็งร่างกายอ่อนแอมาก แต่ต้องไปทำงานทั้งที่มีอาการป่วยเพราะผมต้องรับผิดชอบหนี้สิน และชีวิตลูกสาวอีก 2 คน เคยขอเงินช่วยเหลือการเจ็บป่วยจากการปฎิบัติงานทางโรงพยาบาลบอกว่าไม่มีนโยบายช่วยเหลือผมอยากจะทราบว่ามีช่องทางใดที่พอจะช่วยเหลือผมได้ขอบคุณครับ

    1. ถ้าเป็นการทำงานกับโรงพยาบาลรัฐ ก็ต้องร้องเรียนไปตามขั้นตอน เช่น ที่สาธารณสุขจังหวัด หรือ กระทรวงสาธารณสุข ถ้าไม่ใช่ข้าราชการก็อาจร้องเรียนที่ กรมแรงงานได้ คงต้องเตือนด้วยว่า ท่านต้องมีข้อพิสูจน์ชัดพอว่า ไวรัสตับอักเสบซีเกิดจากการทำงานมิใช่พฤติกรรมส่วนตัว จึงเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานได้ มันเป็นไปตามหลักก.ม.ที่ผู้เรียกร้องต้องพิสูจน์ ซึ่งจะค่อนข้างยากและใช้เวลานานจริงๆ ผู้เรียกร้องคดีแบบนี้ต้องอดทนสูงมาก เป็นข้อพึงรู้ไว้ก่อน

  11. ครอบครัวดิฉันถูกโกงที่ดินโดยการทำเอกสารปลอมมายื่นรังวัดโดยผู้ปกครองท้องที่มีส่วนรู้เห็น มีการฟ้อร้องแต่ครอบครัวดิฉันแพ้คดีฎีกาที่ดินทั้งหมดตกเป็นของอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่เอกสารปลอมอย่างชัดเจนเพราะครอบครัวของดิฉันเป็นเพียงชาวนาไม่รู้กฏหมายไม่มีเงินไม่มีเส้นมีสายใดๆ ส่วนอีกฝ่ายเป็นถึงกำนันมีพรรคพวกอยู่ในที่ราชการมากมาย แจ้งความตำรวจก็ไม่รับแจ้ง ร้องเรียนอ.ก็ถูกปลัดด่าว่าสารพัด ในที่ดินจะดูหรือเอาเอกสารก็ยากไปหมด ตอนนี้ครอบครัวของดิฉันซึ่งรวมถึงลุงอาที่มีส่วนได้ส่วนเสียในที่ดิน(ที่ดินเป็นมรดก)รวม4คน ตอนนี้ไม่มีที่ทำกิน ถึงแม้ครอบครัวดิฉันจะพอมีอาชีพเลี้ยงตนและมีบ้านอยู่อาศัย แต่อีกสามคนที่เหลือตอนนี้อยู่อย่างลำบาก ไม่มีบ้านไม่มีที่ทำกิน ดิฉันต้องทำอย่างไรดิฉันต้องการความยุติธรรมบ้าง เพราะในทางกฏหมายเขาอาศัยช่องว่างที่ทำให้เขาชนะแต่ครอบครัวดิฉันมีเพียงความจริงซึ่งทำให้แพ้

    1. ปกติคดีในศาลถ้าต่อสู้กันจนตัดสินในศาลฎีกาแล้ว ถือว่าคดีสิ้นสุด กรณีของท่านคือ การไม่ได้รับความเป็นธรรมอันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ อยากเสนอให้เขียนคำร้องเรียนพฤติกรรมและความไม่เป็นธรรมที่ได้รับอยู่ไปให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อตรวจสอบ แก้ไข บรรเทา หรือเยียวยา ให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวของท่าน ส่วนจะได้รับที่ดินคืนมาแค่ไหน อย่างไรหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานจริงจังของนายกฯและสำนักนายกฯที่รับเรื่องร้องเรียนของท่านไป แต่การเปลี่ยนแปลงคำตัดสินคงยาก การบรรเทาหรือเยียวยาให้ท่านอาจทำได้บ้าง หรือลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำร้ายประชาชนก็ทำได้โดยตรง ถ้าตรวจสอบแล้วว่าเขาทุจริตจริง ลองเขียนคำร้องทุกข์ไปถึงนายกรัฐมนตรี ส่งไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ขอเป็นกำลังใจให้ท่านและครอบครัวด้วย

  12. ถ้าจะถวายฎีกาเกี่ยวกับเรื่องการทารุนสัตว์และความไม่เป็นธรรมเี่ยวกับสัตว์ เช่น ที่สถานกักกันสัตว์ที่ประเวศ ที่ กทม. เป็นคนรับผิดชอบ คือว่าอยากให้สุนัขที่นั่นมีความเป็นอยู่และการดูแลเอาใจใส่ที่ดีกว่าทุกวันนี้ และการออก พรบ.คุ้มครองสัตว์เลี้ยงไม่ให้มีการจำหน่ายเพื่อการบริโภค แบบนี้เราสามารถเขียนฎีกาไปได้ไหมค่ะ

    1. หัวเรื่องของท่านน่าจะเขียนร้องเรียนไปยังหน่วยงานต้นสังกัดที่รับผิดชอบเรื่องนั้น หรือ กทม.(เจ้าสังกัดของสถานกักกันประเวศ) หรือร้องเรียนไปที่สำนักนายกฯเลย ควรเริ่มที่จุดนี้ก่อน การเขียนฎีกานั้นเขียนได้ทุกเรื่องเพราะผู้รับผิดชอบจะส่งคำร้องของท่านไปยังหน่วยงานนั้นเช่นกันเพื่อรอคำตอบจากหน่วยงาน ความช่วยเหลือใดๆก็จะทำภายใต้ก.ม.หรือแล้วแต่ความเห็นส่วนพระองค์เช่นกัน

  13. พ่อเลี้ยง ถูกใส่ความ ศาลสั้งจำคุก 18 ปี ทั้งๆที่ไม่มีความผิดอะไรเลย จะทำประวัติครอบครัวถวายฏีกาได้ไหมคะ สงสารแม่ ที่ต้องรับภาระทุกอย่างคนเดียว

    1. การถวายฎีกานั้น ถ้ายังมีขั้นตอนทางก.ม.ที่ทำได้อยู่ แม้จะทำฎีกาไป ก็จะได้รับการตอบกลับหรือแนะนำท่านให้ไปตามขั้นตอนที่่ยังมีอยู่เสมอ หรือให้ช่องทางช่วยเหลือที่จะแนะนำต่อไป ขอตอบว่า ทำได้ แต่จะได้รับอย่างที่บอกไว้เป็นหลัก การถวายฎีกานั้นต้องเหลือกำลังจะช่วยตัวเองได้แล้วหรือไม่มีหนทางอีกแล้ว นี่จะเป็นช่องทางสุดท้าย

  14. ขอสอบถามค่ะ พ่อแม่ของดิฉันเป็นพ่อค้าแม่ค้าค่ะ แต่ท่านทั้งสอง มีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่นมานานแล้ว ท่านต้องเดือดร้อนจากการช่วยคนอื่นและญาติพี่น้องไว้ โดยปัจจุบันท่านมีหนี้สินจากการช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งเซ็นต์ค้ำประกัน กู้ยืมธนาคารให้ในชื่อของพวกท่าน และกู้ยืมนอกระบบ รวมถึงถูกเอาชื่อไปอ้าง เป็นมูลค่าหลายล้านบาท โดยไม่มีใครที่พวกท่านเคยช่วยเหลือ คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยพวกท่านเลย ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อของดิฉันล้มป่วยเส้นเลือดในสมองแตก และกล้ามเนื้ออ่อนแรง(ปัจจุบันรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังเดินเหินและช่วยเหลือตนเองได้ไม่เต็มที่ ทำให้ดิฉันต้องคอยดูแล) ส่วนแม่ของดิฉันก็ป่วยด้วยหลายโรครุมเร้า แต่ที่เป็นปัญหาคือ เรื่องรายได้ เพราะแม่ของดิฉันไม่มีเงินทุนในการค้าขายแล้ว แถมยังต้องแบกรับหนี้สินทั้งหมด ทำให้ขาดเงินทุนในการประกอบสัมมาชีพ ไม่มีแม้แต่เงินจะผ่อนบ้านที่ติดจำนองแบงค์(บ้านติดจำนองจากการที่แม่ถูกขอร้องจากคุณยายให้ช่วยน้องชาย) จะไร้ซึ่งที่อยู่วันไหนก็ไม่รู้ ส่วนตัวดิฉันตอนนี้ไม่มีอาชีพอะไร เพราะออกจากงานมาช่วยแม่เมื่อตอนที่พ่อป่วยครั้งล่าสุด ทำทุกอย่างแทนพ่อ และแบกรับหนี้สินบางส่วนไว้ในชื่อของดิฉัน ดิฉันพยายามแล้วทุกทางที่จะหาทางกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ว่าดิฉันอายุน้อยบ้าง ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันบ้าง ทำให้ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้เสียที บางวันไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อข้าวให้พ่อ ต้องโทรไปหยิบยืมกับพี่และน้อง ได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่พวกเขาจะเห็นใจ ตอนนี้ดิฉันต้องให้ท่านบวชเพื่อสงบจิตใจ และคอยไปดูแลทำความสะอาดที่พัก ให้ทุกวัน เพราะไม่อยากให้ท่านทนอยู่ในสภาพแบบนี้ที่บ้าน ส่วนดิฉันและแม่ก็หาทางแก้ปัญหากันไป ซ้ำร้ายพี่สาวและน้องสาวดิฉัน ก็ไม่ช่วยเหลือพ่อแม่ ทั้งที่พ่อแม่ส่งเสียจนได้ดี พี่สาวเรียนจบตรีมหิดล และโทเกษตร มีการงานทำที่มั่นคง น้องสาวเองจบจุฬา ปัจจุบันเป็นครูในโรงเรียนจิตลดา แต่พวกเขาไม่เคยกลับมาเหลียวแลพ่อแม่เลย เมื่อแม่ขอความช่วยเหลือไปครั้งใด ก็โดนด่าว่ากลับมา บอกให้แม่ดิฉันหนีหนี้สินบ้าง แต่แม่ไม่อยากทำ เราอยากมีทุนทำมาหากิน และค่อยๆผ่อนชำระหนี้ไปเรื่อยๆมากกว่า และถึงแม่ของดิฉันหนีไปจริง ท่านจะอยู่จะกินอย่างไร ทุกวันนี้ไม่มีแม้แต่เงินติดตัว พี่สาวน้องสาวก็ไม่เคยส่งเสีย อายุท่านก็มากแถมมีโรครุ้มเร้า ท่านจึงอยากจะทำมาหากิน ช่วยเหลือตนเองเพราะท่านทราบว่าลูกสองคนคงจะไม่เลี้ยงดู และตัวดิฉันคนเดียวก็ไม่มีกำลังมากพอจะแบกรับปัญหาทุกอย่างของท่านไว้ได้ ตัวดิฉันไม่อยากเห็นพ่อแม่ต้องไปร่อนเร่พเนจรข้างถนน ไร้ที่อยู่ ดิฉันและแม่ไม่ได้จะร้องขอให้ช่วยเรื่องที่พักอาศัย หรือการรักษา เราเพียงต้องการแค่โอกาส ต้องการหยิบยืมทุนจำนวนหนึ่งเพื่อทำให้กิจการดำเนินต่อไปได้ และต่อยอดไปได้ในอนาคต จะได้นำกำไรที่ได้ ไปผ่อนบ้าน รักษาพ่อแม่ และใช้หนี้ใช้สิน และตั้งใจเก็บเงินให้ได้ตามจำนวนที่จะขอ เพื่อถวายส่งคืน ในระยะเวลา 3 ปี เพื่อจะได้นำเงินนี้ไปช่วยเหลือคนอื่นต่อไปได้ ดิฉันจึงใครขอคำปรึกษาว่าในกรณีนี้ ดิฉันและแม่จะขอความช่วยเหลือ และสามารถถวายฎีกาเข้าไปได้ไหมคะ

    1. ได้อ่านเรื่องราวของคุณแล้ว ขอชื่นชมความเป็นลูกที่ดีของคุณที่อยู่ร่วมทุกข์กับพ่อแม่ และเห็นใจกับเรื่องนี้มาก การยื่นฎีกาต่อ พระมหากษัตริย์นั้น ทำได้ทุกเรื่อง แต่จะได้รับการตอบสนองหรือช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไร แล้วแต่พระเมตตาเป็นรายๆไป กรณีของคุณนั้น ท่านอาจคิดว่าเหลือกำลังแล้ว ช่วยตัวเองไม่ไหวแล้ว อยากให้คำแนะนำเบื้องต้นว่า ถ้ายังมีกิจการที่สร้างรายได้อยู่ ลองไปคุยกับ ธนาคารออมสิน ธนาคารซีไอเอ็มบี ซึ่งจะให้สินเชื่อหลักแสนต้นๆเพื่อช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ถ้าเขาเห็นว่ายังมีอนาคตอยู่ ซึ่งคุณต้องไปคุยเบื้องต้นว่ามีหวังหรือไม่ อย่างไร ถ้ายังมีทรัพย์สินประเภทที่ดินเหลืออยู่ แม้ติดจำนอง ก็ต้องคิดให้หนักว่า สมมติว่าตอนนี้อยู่บ้าน 200 ตารางวา แต่ภาระผ่อนบ้านหนักไป ก็น่าจะคิดเรื่องขายบ้านเองจะได้ราคาดีกว่าปล่อยให้ยึดไปขาย นั่นจะได้ราคาต่ำมากๆ แล้วย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กลง ค่าใช้จ่ายจะลดลงบ้าง ถ้ามีทรัพย์สินที่ขายได้ ก็ต้องคิดขายไปก่อนด้วยตัวเอง ย่อมดีกว่าปล่อยให้ถูกยึดไป คงต้องตัดใจเรื่องความเสียดายก่อนเพื่อให้รอดพ้นวิกฤตครั้งนี้หรือเพื่อรักษาธุรกิจไว้ โปรดอย่าท้อใจ ปัญหาเกิดได้ ก็แก้ได้ เพียงแค่ต้องใช้สติให้มากขึ้น พึ่งพาตนเอง สิ่งที่มีอยู่ แล้วค่อยๆแก้ทีละเปลาะ คลายทีละเงื่อน เจ้าหนี้ต้องการได้เงินคืน มากกว่าชีวิตลูกหนี้ ถ้าเจ้าหนี้มีความหวังจะได้หนี้คืนครบ คุณก็จะมีโอกาสทองได้เช่นกัน หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ได้บ้าง การขอสินเชื่อเพื่อรักษาธุรกิจไว้ ธนาคารเล็กๆจะมีกติกาน้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่ คุยกันได้มากกว่า ถ้าขอกู้เงินไปโดยไม่มีเป้าหมายเพื่อรักษาธุรกิจ มักจะขอสินเชื่อยาก ต้องอดทน ใจกล้า ที่จะไปคุยกับฝ่ายสินเชื่อให้หลายธนาคาร เชื่อว่าจะมีสักแห่งที่เห็นความตั้งใจของคุณ การขอกู้เพื่อใช้หนี้โน่นนี่ มิใช่หนี้ธุรกิจ มักขอสินเชื่อยาก แต่ต้องเน้นไปที่ รายได้พอส่งคืนหนี้สินธนาคารและเหลือไปจ่ายหนี้อื่นๆ ขอให้ท่านอย่ากลัวเรื่อง หนี้ทางแพ่ง ถ้าสุดหนทางก็ยังเหลือทางล้มละลาย เจ้าหนี้ไม่อยากฟ้องล้มละลายกับลูกหนี้แล้วยึดทรัพย์สินที่อาจไม่พอใช้หนี้ของเขา หากปล่อยให้ท่านทำธุรกิจได้ ยังมีโอกาสจ่ายเงินคืนได้ เขาก็แค่ยืดเวลาชำระหนี้ออกไปบ้าง การล้มละลายจะทำให้หนี้สูญไปหรือเอาไปได้แค่เท่ามูลค่าทรัพย์สิน ณ เวลาที่ยึดไป ข้อดีของการล้มละลายถ้าเจ้าหนี้ใช้วิธีนี้ เมื่อพ้น 3 ปีก็ออกจากการพ้นล้มละลายโดยไม่ต้องจ่ายคืนหนี้ที่ค้างไว้ แต่มีข้อเสียมาก คือ ผู้ที่เคยล้มละลายมาแล้ว มักขอสินเชื่อเพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ยากสุดๆเพราะถือว่าไม่น่าไว้วางใจอีกต่อไป ไร้เครดิต ทำบัตรเครดิตก็ยาก จึงต้องคิดให้มากถ้าต้องเจอเรื่องนี้ ต้องคิดถึงอนาคตให้มากๆด้วย

      1. ดิฉันลองไปขอมาหลายที่แล้วค่ะ ทั้งแบงค์ใหญ่แบงค์เล็ก แต่ก็โดนปฏิเสธมาหมด เขาเรียกหาแต่หลักทรัพย์ ส่วนในเรื่องบ้านไม่ใช่ไม่ขายค่ะ ประกาศขายมานานแล้ว จนธนาคารจะยึด ส่วนใหญ่คนมาดูบ้านก็กดราคา ไม่พอจ่ายหนี้ธนาคาร จึงไม่สามารถขายได้ และขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ

  15. จะถวายฏีกาให้พี่สาวถูกตืดคุกคดีแจ้งความเท็จ1ปีจะได้รึป่าวคะครอบครัวเราอยุ่ลำพูนพ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้วมีพี่น้อง5คนพาอทิ้งที่ดินไว้ให้ลูกๆได่อยู่อาศัยเป็นที่สคพอเมื่อ2ปีทีผาานมารัฐบาลประกาศจะให้ทำโฉนดพี่สาวซึ่งเปนผู้ถือใบสคจะไปยื่นขอแต่ใบได่หายไปหนูเป็นน้องสาวได้บ อกให้ไปแจ้งความแล้วเอาใบแจ้งไปยื่นขอทำโ ฉนดผ่านมา1ปีที่ดินติดมารังวัดให้แล้วปิดประกาศวันสุดท้ายแล้วอยุ่ๆก้มีหมายศาลมาว่าพี่สาวแจ้งความเท็จเรื่องใบหาย เพราะน้องชายแอบขโมยไปวางค้ำเงินกู้นอกระบบพร้อมกับแฟนเจ้าแม่เงินกู้แจ้งความจับพี่หาว่ารู้เห็นด่วยกับการกู้เงินและเอาใบสควางไว้ทั้งที่พีไม่เคยรู้เรื่องพี่สาวเป็นชาวบ้านยากจนหาเช้ากินค่ำและมีโรประจำตัวหลายโรคไทรอย/หัวใจโตรอการผ่าตัดต้องเข้าไปอยู่ในคุกโดยผิดที่ไปแจ้งใบทีดินของพ่อทีลูกทุกคนมีสิทธิอศัยอยุ่ได้เพราะน้องพาคนอื่นแอชบไปกู้เงินติดคุกโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดป้าเป็นน้องสางจะขอทูลเกล้าถวายฏีพระราชทานอภัยโทษให้พี่สาวได่ใหมคะขอคำแนะนำป้าด่วยเถิดป้าสงารพี่สาวมาก

    1. ถ้ากำลังได้รับโทษในคก จะมีขึ้นตอนได้รับ พระราชทานอภัยโทษสำหรับนักโทษที่มีความประพฤติดีและจำคุกตามเวลาที่กำหนดมาระยะหนึ่งแล้ว หากพี่สาวของท่านเข้าเกณฑ์นั้น ก็จะได้รับการลดโทษด้วย ต้องดูเงื่อนไขและคุณสมบัติของพี่สาวท่านว่าเข้าหรือไม่ ถ้าเหลือโทษไม่มาก ราชทัณฑ์จะมีหลักเกณฑ์ให้ คุมประพฤตินอกคุกได้ ขอให้ท่านปรึกษากับทนายความของสภาทนายความในเขตจังหวัดของท่านฟรี ว่าพี่สาวเข้าเกณฑ์นั้นหรือไม่ ถ้าเข้า ก็ทำหนังสือขอใช้สิทธิ์ออกนอกคุกและยอมรับการคุมประพฤติจนกว่าจะหมดโทษก็ได้ ต้องตรวจสอบก่อน หวังว่าจะให้ข้อมูลเท่าที่จะช่วยท่านได้แล้ว

  16. อยากสอบถามคะ ว่าการถวายฎีกา เราสามารถถวายแทนบุคคลอื่นได้หรือไม่ พอดีว่าดิฉันเป็นเพื่อนข้างๆ บ้านกับคุณยาย แต่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง จะถวายฎีกาแทนคุณยายท่านหนึ่งนะคะ ครอบครัวแกน่าสงสารมาก ตอนนี้อายุของคุณยายคงประมาณ 70 กว่า (คาดการณ์นะคะ เพราะไม่เคยถามอายุจริง) ไม่มีอาชีพใดๆ สุขภาพร่างกายตอนนี้ก็ไม่แข็งแรง เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เนื่องจากคุณยายเคยป่วยและขาดการรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทุนทรัพย์ สามีเป็นชายสติไม่สมประกอบ มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน คนโตทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง เนื่องจากติดสุรา เมื่อสองปีก่อนไปทำงานที่กรุงเทพฯ ได้เกิดอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซด์ทำให้ขาหัก 1 ข้าง ทำงานรับจ้างหนักๆ ไม่ได้ ส่วนบุตรชายคนที่ 2 สติไม่สมประกอบ ต้องไปทำการเข้ารับการรักษาจากทางโรงพยาบาลในตัวจังหวัดอยู่บ่อยๆ ทั้งบ้านต้องอาศัยคุณยายคนเดียว โดยการหาอาหารเข้าบ้าน คุณยายรับภาระทั้งหมด โดยได้รับเงินเบี้ยคนชรา ของคุณยาย และเบี้ยคนชราของสามี บวกกับเงินคนพิการของสามี และเบี้ยคนพิการของลูกชายคนที่ 2 ลำพังเดือนๆ หนึ่งทั้งบ้านมีรายได้ตกอยู่ประมาณ 2 พันกว่าบาท ถามว่าคุณยายมีญาติพี่น้องหรือไม่ คุณยายท่านมีคะ แต่ญาติพี่น้องเค้าก็ไม่ได้มาช่วยดูแลได้ทั้งหมด บางครั้งเราแอบมองยังเหมือนกับว่าคุณยายไม่ได้รับดูแลจากญาติพี่น้องเท่าไหร่ เพราะคงคิดว่าคุณยายมีลูกชายคนโต ซึ่งไปทำงานหารับจ้างได้ แต่โดยหลักๆ ลูกชายคนโตมีนิสัยติดสุรา ไปทำงานรับจ้างได้เงินมาไม่หยิบยื่นให้คุณยาย ส่วนเราเป็นเพื่อนบ้านที่มีอะไรพอหยิบยื่นได้เราก็จะช่วยเหลือ เช่น แบ่งข้าวสาร อาหารแห้ง หรือไม่ก็พวกกับข้าว ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนบางอย่างให้ บางทีก็มีเงินให้คุณยายไว้ติดมือซื้อกับข้าว ตอนนี้ทราบข่าวมาว่าบางวันคุณยายต้องไปนั่งขอทานในตลาดตอนเย็น ร่างกายก็ผอมโซ เดินแทบจะไม่มีแรง คงเพราะร่างกายไม่ได้รับอาหารครบทั้ง 3 เวลา
    จากกรณีของคุณยายที่ดิฉันเล่ามา สามารถถวายฎีกาได้หรือไม่คะ // และขอขอบคุณสำหรับการตอบกลับคะ

    1. ขอบคุณที่ตามอ่านเนื้อหาในบล็อกนี้ ขอตอบคำถามนี้ คือ ตามหลักการแล้ว การขอถวายฎีกา ควรกระทำโดยผู้เป็นต้นเรื่องหรือมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดพอควร จึงเหมาะสมที่สุด จากเนื้อหาที่ท่านเขียนไว้แสดงว่า คุณมีความเมตตาสูงมาก เรื่องนี้น่าจะอยู่ในความดูแลของ ประชาสงเคราะห์จังหวัด ซึ่งท่านสามารถเขียนเรื่องร้องขอไปแทน คุณยาย แจ้งให้เจ้าหน้าที่รัฐรับทราบเพื่อช่วยเหลือต่อไป เมื่อมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงแล้ว คำตอบจากการถวายฎีกาคือ จะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ดังนั้น ควรเริ่มต้นที่การติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ถ้าถูกละเลยจนหมดหนทาง ค่อยทำเรื่องถวายฎีกาเพื่อขอพระเมตตาเป็นรายบุคคล จึงเหมาะสมกว่า โดยคุณเขียนหนังสือแล้วให้คุณยายเซ็นชื่อก็ได้ เท่ากับคุณยายรับรู้และเต็มใจทำเรื่องนี้ ขอบอกความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับความช่วยเหลือในเรื่องนี้ คุณน่าจะใช้วิธี ส่งเรื่องไปที่ ประชาสงเคราะห์จังหวัด(คงต้องไปติดต่อหาระเบียบว่าต้องทำอย่างไร ?) และควรแจ้งเรื่องคุณยายกับครอบครัวไปยัง สถานีข่าว ฟรีทีวีหรือทีวีดิจิตอล เลือกสักช่อง เพื่อให้เขามาทำเรื่องนี้ออกอากาศเพื่อความเมตตา เห็นใจ จากหน่วยงานรัฐหรือผู้มีใจบุญ คุณยายน่าจะได้รับความช่วยเหลือรวดเร็วขึ้นจากหน่วยงานรัฐและผู้มีเมตตาทั้งหลาย เดี๋ยวนี้มีช่องข่าวมากมายหลายทีวีดิจิตอล ยินดีจะเสนอข่าวดีๆเพื่อให้คนไทยช่วยเหลือกัน คุณเลือกใช้ทั้งสองช่องทางทั้งของรัฐและของทีวีช่องข่าว ยุคนี้มีหลายช่องทางให้ท่านเลือกเพื่อคุณยายได้ ยังไม่จำเป็นต้องเลือก ถวายฎีกา ทันที ลองรับไปพิจารณาเลือกช่องทางได้ น่าจะช่วย คุณยายและครอบครัว ได้ไวขึ้น ขอบพระคุณแทนคุณยายในความเมตตาของคุณด้วย

      1. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคะ ดิฉันจะได้เริ่มลงมือศึกษาข้อมูลรายละเอียดที่แนะนำมา ถึงขั้นตอนการทำเรื่องขอความช่วยเหลือให้กับคุณยาย ถ้าได้ผลหรือไม่ได้ผลประการใด ดิฉันจะมาขอคำปรึกษาและคำแนะนำใหม่

  17. ขอสอบถามค่ะเรื่องของคดีที่แม่ดิฉันโดน ยึดบ้านขายทอดตลาด เรื่องมีอยู่ว่า แม่ได้ซื้อรถยนต์เป็นชื่อแม่ แต่น้องชายเป็นคนใช้และแฟนน้องชายแม่ค้ำให้ แต่ใช้ไปสักระยะ น้องชายแม่ส่งไม่ไหว แม่จึงบอกให้นำรถไปคืน น้องชายก็ทำตาม ทางไฟแนนซ์บอกจะจัดการให้ไม่ให้มีปัญหา แต่เวลาผ่านไป ก็มีหมายมาเรียกเก็บเงินที่ขายรถขาดทุนไป จำนวนหมื่นกว่าบาทน่าจะได้ แม่ดิฉันได้คุยกับแฟนน้า แฟนน้าบอกเดี๋ยวจัดการเอง ไม่ทราบไปจัดการยังไง มีการฟ้องจนจบคดีนั้น มีการเรียกเก็บเงินทั้งหมดร่วมเก้าหมื่นกว่าซึ่งแฟนน้าได้รับทราบและรอหมายมานัดไปจัดการไกล่เกลี่ยกันอีกที. แต่ทางบ้านดิฉันไม่ได้รับหมายศาลเลย จนกระทั่งเรื่องถึงขั้นให้กรมบังคับคดี ยึดบ้านไปขานทอดตลาด เรื่องเกิดตั้งแต่ปี56 ที่กรมบังคับคดีมีหมายมาที่บ้านจนถึงต้นปี58นี้ ทางบ้านไม่ได้เห็นหมายเลยสักใบค่ะ แต่ที่ได้ทราบว่าบ้านโดนขายทอดตลาดเพราะคนบ้านติดกันมาบอก และเค้าก็เป็นคนประมูลบ้านได้ ซึ่งในวันที่มาบอกดิฉันได้สืบทราบมาทีหลังว่าเค้าได้นำเงินไปชำระหมดแล้วที่กรมบังคับคดี สรุปรวมยอดหนี้จากการลดหนี้แล้วเพียง8หมื่นกว่าบาทเท่านั้น ทางบ้านดิฉันสามารถจ่ายหนี้ก้อนนี้ได้ หากได้รับทราบก่อนว่าจะมีการไกล่เกลี่ยหรือขายบ้านเราทอดตลาด แต่ทางเราไม่เคยได้รับหมายใดๆทั้งๆที่การเดินหมายที่ไปขอตรวจสอบมาก็มีมา หากปิดหมายไว้ ทางเราก็ควรได้เห็นบ้างสักครั้ง แต่ก็ไม่ทราบเพราะเหตุใดจึงไม่ได้พบหมายเลยแม้แต่ครั้งเดียว และดิฉันได้สืบทราบมาภายหลังว่ามีการเซ็นรับหมาย2ครั้ง ซึ่งไม่ใช่ลายเซ็นคนในบ้านดิฉันเลยสักคน ดิฉันได้มีการยื่นคำร้องไปที่ สถานที่ราชการที่ช่วยเหลือประชาชนแห่งหนึ่งพร้อมแนบลายเซ็นต์ของที่บ้านที่ไปขอจากหน่วยราชการมาเพื่อเป็นหลักฐาน และกำลังดำเนินการอยู่ รอทางกรมบังคับคดีชี้แจงมาว่าลายเซ็น2ครั้งนั้นคือลายเซ็นใคร. แต่ขณะนี้ทางกรมบังคับคดียังไม่ได้ชี้แจงมา แต่มีหมายขับไล่มาถึงบ้านดิฉันในวันเสาร์ที่21ก.พ2558 ทำให้พ่อและแม่ดิฉันร้อนใจมากค่ะ เพราะในหมายนั้นมีกำหนดให้เราย้ายออกภายใน30วัน และทางเรื่องที่ร้องเรียนไปก็ยังไม่คืบหน้าเลย และดิฉันเองยังสงสัยอีกประเด็นคือทำไมหมายก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เห็นสักครั้ง แม้กระทั่งการนัดประมูลบ้านเรายังไม่เคบได้รับรู้เลย แต่ครั้งนี้หมายขับไล่กลับได้เห็น ที่บ้านดิฉัน พ่อและแม่เป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าไม่รู้ข้อกฎหมายใดๆก็จริงค่ะ แต่ดิฉันเองก็อาศัยอยู่กับท่าน หากก่อนหน้านี้ได้รับหมายว่าให้เราไปชำระหนี้ส่วนนี้หรือมีการดำเนินการขายบ้านเราทอดตลาด ทางดิฉันกับแม่จะไม่นิ่งนอนใจให้ขายไปแล้วค่อยมาดำเนินการแน่นอน แต่นี่ทางเราไม่ทราบจริงๆและไม่ทราบว่าหมายที่มานั้นเหตุใดจึงไม่เคยได้เห็นกันเลยตลอดระยะเวลาเกือบ2ปี มาทราบอีกทีก็ตอนที่บ้านถูกขายได้แล้วโดยบ้านข้างๆประมูลไว้ได้และเป็นคนมาบอกเราเองว่าบ้านเราโดนขายแล้วและมีคนซื้อแล้ว. ซึ่งทำให้พ่อและแม่ดิฉันงงจนแทบช๊อคเพราะฉโนดที่ดินก็ยังคงอยู่ที่เราแต่บ้านเราถูกขายได้แล้วและมีการส่งใบอายัดการโอนหรือทำธุรกรรมใดๆกับฉโนดใบนี้ไปยังกรมที่ดินด้วยค่ะ โดยจะมีการออกฉโนดใบใหม่ให้กับเจ้าของใหม่. บ้านแมดิฉันเป็นอาคารพาณิชย์2ชั้นค่ะ เคยมีคนมาขอซื้อในราคาเจ็ดแปดแสนแม่ก็ไม่ยอมขายเพราะท่านรักบ้านหลังนี้มาก แต่การประมูลครั้งนี้ ขายไปเพียงสี่แสนเก้าเอง ทางบ้านเรารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก เพราะความไม่ทราบว่าบ้านถูกขายทอดตลาดจึงไม่ได้ไปคัดค้านหรือชำระหนี้ใดๆเลย มีหลายท่านบอกว่าเรื่องถึงขั้นสิ้นสุดแล้วทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ดิฉันก็ยังพยายามเดินเรื่องทุกทางเพื่อยุติการซื้อขายครั้งนี้ค่ะ เพราะพ่อแม่ดิฉันไม่เต็มใจขายและบ้านนี้ก็คือลมหายใจของท่านจริงๆ. ถ้าถามว่าเราเพิกเฉยเองหรือเปล่าถึงมาถึงขั้นสิ้นสุดกระบวนการ. ดิฉันอยากจะบอกว่า เงินจำนวนแปดหมื่นกว่าบาทนี้. ถึงรู้ก่อนขายบ้านแล้วหรือหลังขายบ้านแล้ว ก็ยังคงสภาพหนี้แปดหมื่นกว่าอยู่ดี ดังนั้นหากทรางก่อนจะมีการขายบ้านไป ทางดิฉันรีบไปชำระก่อนจะดีกว่าปล่อยให้ยืดเยื้อมาถึงขั้นขายบ้านได้แล้วดีกว่ามั้ยค่ะ เพราะอย่างไรหนี้ส่วนนี้ก็ต้องชดใช้เจ้าหนี้อยู่ดี. แต่นี่เพราะไม่ทราบเรื่องว่ามีการขายบ้านเราจริงๆไม่ทราบแม้กระทั่งว่าบริษัทที่เป็นโจทย์เรียกไกล่เกลี่ยหรืออะไรทั้งนั้น กรณีนี้เหมือนเป็นการอ้างว่าไม่ทราบจากครอบครัวดิฉัน. แต่ความจริงนั้นทางบ้านดิฉันไม่ทราบจริงๆค่ะ หากทราบคงไม่ปล่อยเรื่องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้วจึงมาวิ่งเรื่องเพื่อหาทางชำระหนี้และเอาบ้านคืนให้พ่อแม่ในวันที่แทบจะไม่มีเปอร์เซ็นได้คืนแล้ว. แต่ด้วยความทรมานใจของพ่อแม่ที่ไม่ต้องการเสียบ้านไป. เห็นท่านเป็นทุกข์ใจดิฉันก็ทุกข์ด้วยค่ะ. ยิ่งตอนนี้คดีที่ร้องไปยังไม่ได้รับคำชี้แจงแต่ดันมีหมายขับไล่มาอีก ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าจะหันไปพึ่งใครแล้วค่ะ หากคดีที่ร้องไปไม่สามารถช่วยทางบ้านเราได้จริงๆ เราจะสามารถยื่นฎีกาได้หรือไม่ค่ะ. ทางบ้านดิฉันไม่ได้ต้องการให้มีการลดหนี้หรือยกเลิกหนี้ส่วนนี้และไม่ได้ต้องการให้มีการชำระหนี้แทนเลยค่ะ แต่ทางบ้านเราแค่อยากขอโอกาสที่จะได้ชำระหนี้ก้อนนี้เพื่อเก็บบ้านพ่อแม่ไว้เป็นการรักษาหัวใจของพ่อแม่ไว้ค่ะ. หากแต่ก่อนหน้านี้เรามีสิทธิ์จะได้ทำตั้งแต่เริ่มเพียงแต่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะรับทราบข้อมูล. ซึ่งตรงนี้ดิฉันก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเหตุใดทางเราจึงไม่เคยมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลเหล่านี้ทั้งๆที่เราควรจะได้รับทราบก่อนผู้อื่น. ขอความกรุณาช่วยอ่านและช่วยตอบดิฉันด้วยนะค่ะว่าหากการร้องเรียนที่ดำเนินการอยู่ไม่เป็นผล ดิฉันยังพอมีหวังอะไรได้บ้าง ทางแก้มีทางไหนบ้างหรือสามารถยื่นฎีกาได้หรือไม่ค่ะ

    1. เรื่องของคุณน่าเห็นใจมาก เท่าที่เล่ามานั้น การรับหมายที่ท่านไม่รู้เลย สันนิษฐานว่า เพื่อนบ้านน่าจะรับหมายศาลแทนแล้วเก็บไว้ ท่านจึงไม่รู้เวลานัดหมายดังกล่าวเลยสักครั้ง มีการดักจดหมายไว้ การที่ท่านใช้ทนายต่อสู้ในชั้นบังคับคดีว่าไม่ได้หมายศาลมาก่อน ทำได้ ก็ต้องรอว่าศาลจะสั่งอย่างไร ปกติเวลาล่วงเลยถึงขั้นบังคับคดีแล้ว โอกาสเปลี่ยนแปลงจะยาก กรณีนี้อยากให้ทำใจล่วงหน้าและเตรียมบ้านใหม่ น่าจะดีกว่ายึดติดกับบ้านหลังนี้(เพื่อนบ้านน่าจะมีเอี่ยวในการเก็บหมายไว้จนเลยเวลาในหมายเพื่อมิให้ท่านเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้) ท่านควรปลอบโยนพ่อแม่ให้ทำใจว่า ต่อไปหนี้สินให้ปวดหัวจะหมดไปแล้ว เริ่มต้นใหม่อย่างไร้หนี้ บ้านเป็นของนอกกาย แม้มีความหลังกับมัน แต่มันก็ช่วยปลดหนี้ให้ครอบครัวแล้ว ถือว่าบ้านทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่ให้ความรักแก่มันครบถ้วนแล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่กับการไร้หนี้ น่าจะดีที่สุด ส่วนความคิดจะถวายฎีกากับกษัตริย์ด้วยเหตุ ตามที่เล่ามา คาดว่า ไม่น่าจะต่างจากสิ่งที่ท่านกำลังทำวันนี้คือ การสู้คดีรอคำสั่งศาลว่าเห็นด้วยหรือไม่ว่า หมายส่งไม่ถึงมือทานเกิดจากเจ้าหน้าที่ทำงานพลาดหรือท่านพลาดหมายโดยถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้น จากเรื่องเล่าของท่านคาดว่า น่าจะเสียบ้านไปเพราะไม่ได้รับหมายศษลด้วยเหตุใดก็ตาม ถ้าศาลไม่ฟังเหตุผลและท่านพิสูจน์ไม่ได้ว่าถูกกลั่นแกล้งจากคนซื้อบ้าน คงยากจะเปลี่ยนแปลงผลตัดสินได้ เมื่อการเสียบ้านต้องเกิดขึ้น ท่านและพ่อแม่ควรทำใจปลงให้ได้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบไร้หนี้สินอีก หาบ้านใหม่ให้พ่อแม่อยู่ น่าจะดีที่สุด เวลาน่าจะช่วยรักษาบาดแผลในใจครั้งนี้ได้ ขอเป็นกำลังใจให้ท่านและครอบครัวฝ่าฟันทุกข์ครั้งนี้ได้อย่างมีสติ

  18. ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำตอบ เพิ่งได้มาเปิดอ่านวันนี้เองค่ะ เพราะยุ่งๆกับการดำเนินการค่ะ ยังไงผลออกมายังไง จะมาแจ้งให้เจ้าของบล๊อคทราบนะค่ะ ขอบคุณมากๆที่ตอบคำถามดิฉันค่ะ

  19. การถวายฎีกา ในปัจจุบัน ยังคงกระทำได้หรือไม่

  20. ผมถวายฏีกาได้มัย ที่ดิน สปก ถึกฟ้องไล่ที่เราทำกินมาเป็นสิบๆปี อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาอ้างเป็นเจ้าของพร้อมโฉนด เรียกค่าเสียหายแพงเกินไป

    1. การถวายฎีกาจะทำได้เมื่อใช้ทุกกระบวนการทางก.ม.ครบถ้วนแล้ว แต่ยังรู้สึกไม่ได้รับความธรรม กรณีที่ดินสปก.ที่ท่านเล่าไว้ มีคนอื่นอ้างว่าเป็นเจ้าของโฉนด ท่านควรติดต่อกับ ผู้ออกโฉนดสปก.ให้รับทราบว่า เกิดเรื่องนี้ขึ้น เพื่อให้ช่วยชี้แจง จัดการตามขั้นตอนของก.ม.ก่อน หน่วยงานรัฐที่ออกที่ดินสปก.ย่อมรู้ดีว่า ที่ดินแปลงนี้ควรเป็นสปก.หรือเป็นของคนอื่นกันแน่ การถวายฎีกาถือเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะขั้นตอนการรับฎีกาแล้ว กระบวนการต่างๆก็ต้องไปสอบถามในหน่วยงานต้นเรื่องอยู่ดี ทุกอย่างต้องแก้ไขตามก.ม. ถ้าทำไม่ได้ก็จะเป็นพระราชวินิจฉัยเรื่องการเยียวยาการบกพร่องที่เกิดขึ้นและทำให้ประชาชนเดือดร้อนว่าควรทำอย่างไรต่อไป แก้ไขอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องภายหลังแล้ว ท่านควรติดต่อหน่วยงานรัฐที่ดูแล ที่ดินสปก. ก่อน

  21. จะยื่นถวายฎีฏา ขอพระราชทานอภัยโทษ
    แต่ไม่รุ้ว่าจะเอาแบบฟอร์มมาจากที่ไหนค่ะ

    อยากรุ้วิธียื่นแบบละเอียดเลยค่ะ ในแต่ละขั้นตอน

    1. การถวายฎีกา ไม่มีแบบฟอร์ม เพียงเขียนจดหมายเล่าเรื่องหรือปัญหา ส่งไปยัง สำนักพระราชวัง โดยหาที่อยู่ในเนตก็ได้ ส่วนการอภัยโทษนั้น ต้องแยกออกจากการถวายฎีกา อย่าปะปนกัน เพราะการอภัยโทษมีขั้นตอนในระบบราชทัณฑ์อยู่แล้ว ต้องทำไปตามนั้น จะมาทำรวมกับถวายฎีกาไม่ได้

  22. พ่อของดิฉันปลูกบ้านที่อยู่อาศัยในที่ดินที่ครอบครองมาตั้งแต่ พศ. 2497 ถูกรังวัดเป็นที่สาธารณะประโยชน์ เนื่องจากสมัยก่อนยากจนไม่มีเงินค่ารังวัด
    ยื่นถวายฎีกาได้ไหมคะ

  23. พ่อของดิฉันปลูกสร้างบ้านในที่ดินครอบครองมาตั้งแต่ พ.ศ.2497 โดยเปิดเผยและสงบ ต่อมาถูกรังวัดเป็นที่สาธารณะ เนื่องจากสมัยก่อนเคยขอรับรองการทำประโยชน์แล้วแต่ฐานะยากจนไม่มีเงินค่ารังวัด ถวายฏีกาได้ไหม

    1. การขอถวายฎีกา ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ส่วนจะได้รับความช่วยเหลือหรือคำแนะนำอะไร เป็นเรื่องต่างหาก สิ่งที่ท่านพึงรู้คือ เมื่อมีเรื่องฎีกาขึ้นไปก็จะได้รับพระราชวินิจฉัยว่า เกี่ยวพันกับหน่วยงานใด ก็จะส่งไปให้หน่วยงานนั้นพิจารณาหรือหาข้อมูลก่อน ส่วนจะคลี่คลายได้อย่างใดหรือไม่ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของเรื่องนั้นๆด้วย บ้างก็อาจได้รับคำแนะนำให้ติดต่อหน่วยงานหรือแนะนำว่าต้องทำสิ่งใดก่อน ส่วนการถวายฎีกาก็ไม่ต้องมีแบบฟอร์มอะไร เพียงเขียนจดหมายเล่าความทุกข์หรือปัญหาไปยัง ที่อยู่ของสำนักพระราชวัง ก็หาจากเนตได้ ท่านพึงรู้ก่อนว่า ความช่วยเหลือจะเป็นไปตามพระราชวินิจฉัยภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ

  24. มีเรื่องอยากถามว่า เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนนายหลวงได้เสด็จมาเปิดประปาภูเขาให้กับหมู่บ้าน โดยท่อส่งน้ำตัดผ่านหลายๆหมู่บ้านเปนระยะทาง5-6 กม แต่หลังจากเปิดใช้ได้ไม่นานหมู่บ้านที่ได้วางท่อผ่านได้มีการมารื้อ ท่อส่งน้ำออกจนหมด น้ำไม่ได้ไหลมาสี่สิบกว่าปีแล้ว สาเหตุที่เรื่องไม่ได้รับการแก้ไขเพราะว่าชาวบ้านไม่มีความรุ้ไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าสามารถฎีการ้องทุกข์ได้ หวังพึ่ง สส.ที่มาหาเสียงทุกยุคมาแก้แต่ก็ไม่เคยจะกลับมาสนใจเลย ที่หมู่บ้านแล้งมากในช่วงหน้าร้อน จึงอยากทราบครับว่าเราจะสามารถทวงคืนประปาภูเขาที่นายหลวงท่านมอบให ปล.ผู้ใหญ่บ้านหลายๆรุ่นเคยเจรจากับหมุ่บ้านเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลเรา และหลังจากรื้อท่อเสร็จหมู่บ้านเหล่านั้นเขาก็บอกว่า “แม่น้ำเป็นของพวกเขา“

    1. เรื่องนี้น่าเห็นใจมาก การทำประปายั่งยืน ก็ต้องยื่นเรื่องไปตามขั้นตอนปกติว่า ขอเดินท่อประปาไปยังแต่ละหมู่บ้าน หน่วยงานจะพิจารณาเส้นทางและค่าใช้จ่าย โดยผู้ยื่นขอ ให้ข้อมูลเรื่องเส้นทางเดิมของประปาพระราชทานได้ แต่ครั้งนี้ผู้ร้องขออาจต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย น่าเสียดายที่แต่ละหมู่บ้านไม่ร่วมใจกันยื่นขอประปา หากทำได้ เรื่องจะเสร็จเร็วมากเพราะได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด หากท่านจะเขียน จดหมายแจ้งข่าวและขอความช่วยเหลือผ่านการฎีกา ก็ทำได้ ด้วยการเขียนหนังสืออย่างเป็นทางการ หากทำได้ ก็เขียนโดยผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านที่เดือดร้อนจากการรื้อประปาพระราชทาน ส่งไปยัง สำนักพระราชวัง ก็ทำได้ ส่วนจะได้รับคำตอบอย่างไร ก็เป็นไปตามพระราชวินิจฉัย ช้าหรือเร็ว ไม่อาจประมาณได้ ก็ต้องทำใจด้วย สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ หมู่บ้านของท่านควรเจรจากับหลายหมู่บ้านที่เคยเป็นทางผ่านของท่อประปาเดิมให้ร่วมกันร้องขอไปยังหน่วยงานประปาภูมิภาคเพื่อเดินเส้นท่อใหม่ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน แม่น้ำไม่ใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง การเจรจาเป็นทางเลือกแรกที่ต้องพยายามก่อน ขอเป็นกำลังใจให้ท่านด้วย

    1. การปลอมลายมือใน ฎีกา อาจเป็นความผิดตาม ม.112 ก็ได้ เพราะเป็นการให้ข้อมูลเท็จโดยจงใจ

  25. สวัสดีค่ะ, ดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจ ไม่ทราบจะหันไปปรึกษาใคร ดิฉันขออนุญาตเล่ารายละเอียดดังนี้ค่ะ
    ดิฉันเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินในอำเภอหัวหิน 100 ตรว. ต่อมาวันหนึ่งมีเพื่อนที่สนิทกันมารบกวนเรื่องเงิน ดิฉันไม่มีเงินให้เค้ายืม เขาจึงขอร้องดิฉันให้ช่วยนำโฉนดที่ดินของดิฉันเองไปจำนองกับนายทุนนอกระบบ โดยบอกกับดิฉันว่าจะขอยืมไปจำนองแค่หนึ่งเดือน ดิฉันด้วยความรักและสงสารเพื่อนจึงนำโฉนดที่ดินไปจำนองให้ในวงเงิน 1,500,000 บาท เมื่อวันที่ 3 มิ.ย 57 โดยนายทุนผู้รับจำนองได้หักดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน เป็นเวลาล่วงหน้า 6 เดือน (270,000บาท) ในตอนนั้นดิฉันไม่ทราบเลยค่ะว่าดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือนนั้นผิดกฏหมาย และยังมีหักค่าธรรมเนียมในการจำนองซึ่งดิฉันจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ส่วนเงินที่เหลือดิฉันได้ให้เพื่อนไปหมดเลยค่ะโดยให้เป็นเงินสดหลังจากที่รับเช็คมาจากนายทุน ดิฉันถามเพื่อนว่า ไม่มีเวลาทำสัญญากู้ยืมให้ดิฉันเลยหรือ เขากลับตอบว่า ไม่มีและรีบมาก แต่ไม่ต้องกลัวจะไม่โกง หลังจากที่เขาได้เงินไปเขาก็หายเงียบไปเลยดิฉันพยายามติดต่อไปหลายครั้งเพื่อให้เขามาชำระดอกเบี้ย และเขาได้มาชำระดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นจำนวน 270,000บาท ในวันี่ 3 ธ.ค. 57 แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้อีกเลย ดิฉันได้สอบถามไปยังครอบครัวของเขา แต่ได้รับการปกปิด ครอบครัวของเขาก็ยอมรับว่าได้นำเงินจำนวนมาใช้จ่ายในครอบครัว แต่ไม่พยายามที่จะช่วยเหลือดิฉัน พอดิฉันสอบถามไปกลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ให้ลองไปปรึกษาตำรวจดู แต่เค้ารู้ว่าดิฉันไม่มีหลักฐานกู้ยืมมีแต่ข้อความในไลน์ที่คุยกันเท่านั้น เขามีตึกสี่คูหาที่อ.ท่ายาง จ. เพชรบุรี เปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ใหญ่โต มีรถยนต์หลายคันแต่กลับไม่ยอมใช้หนี้ ดิฉันซึ่งมีเงินเดือนเพียงเดือนละ 20,0 บาท ก็ไม่พอดอกเบี้ยนายทุนแต่ละเดือนแล้วค่ะ
    ดิฉันอยากขอแค่ มีหน่วยงานที่ลงมาดูแลเรียกเพื่อนของดิฉันมาตกลงกัน เพราะดิฉันไม่มีปัญญาใช้หนี้ค่ะ บ้านเป็นมรดกของพ่อแม่ ดิฉันมีลูกสามคน มีแม่แก่ๆ อีกหนึ่งคน ตอนนี้ก็ต้องคอยหลบนายทุนค่ะ เพราะกลัวเค้ามากๆ ถ้าบ้านโดนขายทอดตลาดคงไม่มีที่อยู่แน่ค่ะ รู้สึกผิดที่ทำให้แม่กับลูกๆ เดือดร้อนค่ะ เรื่องนี้ดิฉันสามารถยื่นถวายฏีกาได้ไหมคะ
    ขอบคุณนะคะที่สละเวลาอ่านข้อความของดิฉัน

    1. การถวายฎีกาเรื่องเดือดร้อนของประชาชนนั้น คนไทยมีสิทธิ์ทำได้ทุกเรื่อง แต่ท่านต้องรู้และยอมรับด้วยว่า ทุกเรื่องอาจได้รับการพิจารณาและจัดการตามขั้นตอนปกติของเรื่องนั้น ความช่วยเหลือจะเป็นเช่นใด ก็แล้วแต่พระราชวินิจฉัยเท่านั้น ตอนนี้เป็นเวลาแห่งการสูญเสียของคนไทย ทุกฎีกาก็คงต้องหยุดชั่วคราวก่อน สิ่งที่ท่านน่าจะทำก่อน คือ ช่วยตัวเองด้วยการนำเรื่องไปปรึกษา ที่ปรึกษากฎหมายอาสาตามหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมอัยการ หรือ สภาทนายความซึ่งมีสำนักงานอยู่ทุกจังหวัดใหญ่ๆ หรือ เนติบัณฑิตยสภา หน่วยงานเหล่านี้จะมีเว็บไซด์ที่บอกรายละเอียดและวิธีขอคำปรึกษาหรือช่วยดำเนินการให้ท่านคลายทุกข์ได้ ลองหาข้อมูลของหน่วยงานที่ปรึกษาฟรีทางเว็บไซด์ของเขา น่าจะมีคำปรึกษาคลายทุกข์ให้ท่านได้สำหรับช่วงนี้

  26. จดหมายครับ สำนักราชเลขาธิการพระราชวัง

    ผมนาย ธงชัย บุญมณี ถวายฎีกาไป วันที่17 สิงหาคม 2559 และเป็นเวลา20วัน ทางสำนักพราชวังก็ได้ตอบรับมา หลังจากนั้น12 วันได้มีหน่วยงานติดต่อมาพบ มี อ บ ต อำเภอ พัฒนาสังคม ศูนย์ดำรงธรรม กรมทรัพย์กรสิ่งแวดล้อม ได้มาสอบถาม ความรู้สึกตอนนั้นผมดีใจครับ เรื่องที่ผมถวายฎีกาไป เรื่อง ขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน5ไร่ ครับหลังจากทุกหน่วยงานมาหาถ่ายรูป หลังจากนั้น 15วัน พัฒนาสังคมได้มอบเงินช่วยเหลือมา 2000 บาท หน่วยงานอื่นไม่มีติดต่อเข้ามาอีกเลย โดยส่วนตัวผมที่ผมได้คุยกับหน่วยงานรู้ได้เลยว่าหน่วยงานที่มาเขาไม่ได้มาด้วยใจเพียงแต่ว่า มาโดยหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งมา คือถ่ายรูปกับเราแล้วทำรายงานส่งให้หัวหน้าก็จบ ผมรู้สึกแบบนั้นครับ ตอนนี้ก็ได้แต่อายชาวบ้านครับ ผมอยู่สงขลาครับ 0967879839 มีรัยพี่น้องที่เข้ามาอ่านถามได้นะครับ ผมเชื่อครับสำนักพระราชวัง ท่านอยากช่วยพี่น้องคนที่เดือดร้อน แต่หน่วยงานที่รับเรื่องมานี้ซิครับ ขอบคุณนะครับ

    1. เมื่อมีการตอบรับและมีปฏิบัติการแล้ว คงต้องรอคอยความช่วยเหลือต่อเนื่องจากผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น หากรู้สึกว่าหลายเดือนแล้ว ไม่มีความคืบหน้าใด ก็แจ้งร้องเรียนไปที่สำนักพระราชวังเพื่อให้รับรู้การทำงานของทีมงานนี้ก็ได้ ต้องใจเย็นรอคอยหน่อย บางทีก็เป็นเรื่องของระบบราชการที่ทำให้ล่าช้าก็ได้

  27. สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษา ดิฉันตั้งครรภ์อยู่แล้วสามีติดคุกคดียาเสพติด มีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย16เม็ด ศาลตัดสิน จำคุก2ปี 3เดือน ดิฉันสามารถเขียนถวายฎีกาได้ไหมค่ะ อยากเขียนขอความเมตตาเพราะสามีอยู่ในขั้นเลว มีอภัยก็คงจะไม่ได้เพราะส่วนมาก จะได้เฉพาะคนที่อยู่ชั้นกลาง ขึ้นไป มีความทุกข์ใจลูกออกมาก็ไม่เห็นน่าพ่อ ดิฉันก็ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว จริงอยู่มีพี่น้องมีญาติแต่ทุกคนต่างมีครอบครัวที่ต้องดูแลเป็นของตัวเอง

    1. คดียาเสพติดน่าจะเป็นข้อยกเว้นในการได้รับอภัยโทษ มันเป็นกฎหมายที่ห้ามไว้ การถวายฎีกาก็ไม่สมควรทำ เรื่องที่ทำได้คือ ราชทัณฑ์มีกฎให้คุณแก่นักโทษประพฤติดี ก็จะเลื่อนระดับขึ้นมาได้ ขอให้เขาอดทนและประพฤติตัวดีๆเพื่อรับสิทธิ์นี้ มันเป็นสิทธิ์ปกติของราชทัณฑ์ ท่านอาจต้องไปร้องขอความช่วยเหลือจาก ฝ่ายสังคมสงเคราพห์ประจำจังหวัดให้ช่วยเหลือก็ได้ ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหน คงแล้วเจ้าหน้าที่จะพิจารณา กาชาดจังหวัดก็ให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่ การเลี้ยงดูเด็ก ได้ หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยบรรเทาความทุกข์แก่ท่านได้บ้าง

  28. ได้อ่านเรื่องราวของท่านแล้ว เห็นใจมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้ ท่านน่าจะรู้ต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวและท่านดี ไม่ว่าจะเกิดเพราะใครเป็นต้นเหตุก็ตาม แต่ไม่ควรพบเจอการกลั่นแกล้งที่ไม่เป็นธรรมแก่ท่านและครอบครัวรุ่นต่อมา เมื่อเกิดปัญหาจาก ผู้มีอำนาจท้องถิ่น ก็มีวิธีแก้ไขที่ต้องใช้เวลาและความกล้าของท่านคือ การร้องเรียนเข้าสู่ ศูนย์ดำรงธรรมทางอีเมล์หรือจดหมายร้องเรียนก็ได้ บอกเล่าเหตุการณ์ให้ชัดเจนและความต้องการของท่านเพื่อรัฐจะเข้าตรวจสอบและแก้ไขได้ อีกทางหนึ่งทำจดหมายร้องเรียนไปยังทำเนียบรัฐบาลอีกทาง ส่วนคิดว่าจะทำฎีกาขอความช่วยเหลือก็ต้องรู้ก่อนว่า มันจะวนกลับมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะ ฎีกาเรื่องใด ก็จะส่งเรื่องของท่านไปสอบถาม ขอความร่วมมือในการตรวจสอบ ยังหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อปัญหาของท่านเช่นกัน ดังนั้น ควรร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่ดูแลสังกัดของตำรวจที่ก่อปัญหา เป็นต้น หากยังแก้ไม่ได้ และมีการรบกวนต่อไปหรือหนักขึ้น ก็ลองร้องเรียนไปที่สื่อมวลชน สำนักข่าวทีวี ให้สังคมรับรู้เรื่องนี้ ก็อาจช่วยได้อีกทางหนึ่ง กระตุ้นให้มีการดูแลเรื่องนี้ แก้ไขเรื่องนี้ได้ไวขึ้น ขอให้พยายามแก้ปัญหาภายในก.ม.เป็นหลัก คนไม่ดีปล่อยให้ทำไม่ดี อย่าไปร่วมทำไม่ดีด้วย มันยิ่งเพิ่มปัญหาให้ตนขึ้น สุดท้ายคือ การย้ายที่อยู่ ที่เรียน ที่ทำงาน ไปที่อื่น หากทุกทางแก้ไม่ได้แล้ว เพราะคนไม่ดีกลุ่มนี้ก็มีขอบเขตอำนาจที่สิ้นสุดได้เช่นกัน หวังว่าความเห็นนี้จะช่วยลดทอนปัญหาของท่านได้บ้าง

    1. ขอขอบคุณที่ช่วยชี้แนะทางแก้ปัญหาให้
      ผมเคยไปทำธุระในหน่วยงานหลายที่ พวกนั้นเข้าไปดักก่อน ทุกครั้ง

      ผมขอรบกวน ช่วย ลบ ข้อมูลทั้ง 2 โพสออกได้หรือเปล่าครับ อยากคุยเป็นเมล์มากกว่า
      เพราะไม่อยาก ให้ญาติพี่น้องต้องเดือดร้อนวุ่นวาย
      ขอบคุณมากครับ

      1. ได้ลบแล้วตามความต้องการของท่าน หวังว่าปัญหาของท่านจะคลี่คลายได้ในไม่ช้า

  29. สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามค่ะ ว่าเราสามารถถวายฎีกาเรื่องขอความอนุเคราะห์ในโครงการสิ่งประดิฐ์ที่เราทำอยู่เพื่อไปทำลายสถิติโลกได้มั้ยคะ โดยทางเรามีเอกสารประกอบและทีมวิจัยพร้อมทั้งผลการทดสอบต่างๆอย่างครบถ้วน รวมไปถึงการขอพระราชทานนามด้วยค่ะ เพราะตั้งใจว่าจะไปในนามของประเทศไทย
    ขอบคุณค่ะ

    1. การขอถวายฎีกา จะใช้กรณีที่มีความทุกข์มากและไม่มีหน่วยงานใดให้ความช่วยเหลือคลายทุกข์ได้ จึงต้องใช้วิธีนี้เป็นทางสุดท้าย สำหรับกรณีของท่าน ขอแนะนำให้นำเสนอเรื่องปรึกษาสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานของท่านน่าจะดีที่สุด เขาจะช่วยหาทุนและให้คำปรึกษากับปัญหาของท่านได้ดีที่สุด หากมองเห็นความสำเร็จได้ชัดเจน หวังว่าจะเป็นคำแนะนำที่ช่วยท่านได้และเป็นกำลังใจให้ท่านด้วย

      1. ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ เรื่่องทุนไม่ใช่ประเด็นหลักค่ะ ยังพอหาได้ หลักๆแล้วเป็นเรื่องของการขอพระราชทานนามค่ะ เพราะสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ถ้าสำเร็จมันจะเป็นการทลายกำแพงในเรื่องของขีดความสามารถของคนไทย ที่คนต่างชาติมองมาที่เราค่ะ ว่ายังด้อยกว่าเค้ามาก เพราะที่ทำอยู่ไม่ใช่การดัดแปลง ลอกเลียนแบบ แต่เป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ค่ะ ส่วนการปรึกษาหน่วยงานราชการ บอกเลยค่ะว่าไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ยังไง จะไปหาใคร คงต้องสู้ด้วยตัวเองค่ะ

  30. ขอเป็นกำลังใจให้เสมอ ถ้าเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ขอให้ระวังเรื่องสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ขอให้ประดิษฐ์ คิดค้น โดยทีมคนไทย ชื่อนั้นสำคัญไฉน ขอเพียงเป็นการตั้งชื่อจาก คนไทย ก็น่าชื่นชมและภูมิใจได้แล้ว ควรโฟกัสที่ผลงานนำเสนอชาวโลกโดยคนไทย จะดีกว่าคิดเรื่องอื่น เมื่อประสบความสำเร็จ หลายอย่างที่เคยต้องการจะเดินทางมาหาทีมของท่านเอง

  31. ขอสอบถามหน่อยค่ะ..ดิฉันเป็น จนท.หน่วยงานที่จัดตั้งตาม พรบ.ที่อยู่ในกำกับของกระทรวง หาช่องทางที่จะโอนไปหน่วยงานอื่น แต่สรุปว่า โอนไม่ได้เพราะไม่ใช่ข้าราชการ สอบถามไปยังต้นสังกัด เขาแจ้งว่า ต้องลาออกอย่างเดียวแล้วไปเริ่มใหม่ คือสอบบรรจุมาเหมือนกัน อายุราชการ 8 ปี เงินเดือนก้เสียดายค่ะ แบบนี้จะเขียนถวายฎีฎาหรือไม่คะ

    1. การถวายฎีกาต่อกษัตริย์ จะเน้นที่ความทุกข์ของประชาชนที่กฎระเบียบของรัฐไม่สามารถช่วยเหลือได้หรือไม่รู้ว่าจะมีทางใดช่วยคลายทุกข์ได้ จึงขอความช่วยเหลือนี้ แต่กรณีของท่านเป็นเรื่องการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนหน้าที่ ซึ่งหน่วยงานมีกฎ ระเบียบ เขียนไว้ชัด ก็ต้องทำตามนั้น ไม่มีใครแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ นอกจากเปลี่ยนกฎใหม่เท่านั้น จึงไม่น่าจะเข้าข่ายที่จะถวายฎีกาได้

  32. ขออนุญาตสอบถามคะ เพิ่งเริ่มสืบค้นข้อมูล อยากทราบว่าโทษประการใดที่ห้ามถวายต่อพระมหากษัตริย์บ้างคะ

    1. โทษที่ตามหลักกฎหมายห้ามในการลดหรือยกเลิกได้ ซึ่งแต่ละปีจะมีการออกกฎหรือกติกาในเรื่องขออภัยโทษไว้ ตัวอย่างเช่น แทบทุกปีจะมีกติกาฐานความผิดที่จะไม่ได้รับอภัยโทษเลย คือ ความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติด บางปีก็อาจมีเพิ่มฐานความผิดเข้าไป เช่น เจ้าหน้าที่รัฐทุจริตต่อหน้าที่ เป็นต้น ฐานความผิดเหล่านี้ไม่สมควรถวายฎีกาเพราะเป็นการขัดต่อกฎหมายที่ใช้บังคับในเวลานั้น

  33. ขอสอบถามหน่อยค่ะยายหนูซื้อที่ดินเป็นที่นามาเมื่อ 23 ปีก่อน จำนวน 8ไร่3 งาน ซื้อมาตอนแรกเป็น นส.3 หลังจากนั้นก็มีการรังวัดทางอากาศเพื่อออกโฉนด แต่โฉนดออกมา 7 ไร่ 3 งาน ต่อมาเมื่อเดือน มี.ค.ปี 61 แม่จะไปโอนที่ให้ลูก 3 คน ให้เจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัด ลืมบอกไปค่ะที่ดินด้านซ้ายดินถนนสาธารณะ เจ้าหน้าที่ก็มารังวัดแล้วก็กันที่ 2 งานติดถนนไว้บอกว่าเป็นที่ สาธารณะ แล้วก็บอกให้แม่ไปเซ็นต์ยกที่ดิน 3 งานให้เป็นสาธารณะไม่งั้นจะโดนจับติดคุก แม่ก็น้องให้โทรมาหาลูกบอกว่า ทาง อบต.จะไปแจ้งความจับติดคุก หลังจากนั้น ทาง ที่ดินก็ได้นัดทางแม่และทางอบต.ไปไกล่เกลี่ย อบต.บอกอย่างเดียวว่าเป็นที่สาธารณะหนูบอกขอหลักฐานหน่อยมีอะไรบกบอกไหมว่าเป็นสาธารณะเข้าก็บอกว่าไม่มี แล้วทางหัวหน้าที่ดินเค้าก็พูดดีค่ะเข้าบอกกับทาฃตัวแทนอบต.ว่าการที่คุณตัดสินว่าที่ตรงนี้เป็นสาธารณะคุณเอาอะไรตัดสินเอาควารมคิดเห็นส่วนตัวหรือข้อเท็จจริงมาตัดสินเขาก็ไม่ตอบ คุยกันนานเป็นชั่วโมงมีอยู่ตอนหนึ่งหนูถามว่าทำไม่ต้องบอกว่าจะแจ้งความเอาแม่หนูติดคุกด้วยมันมากเกินไปไหมที่จะทำตายายแบบนี้ เขาก็เงียบแล้วก็บอกว่าไม่ทำแล้ว สุดท้ายบอกว่าให้หนูไปคุยกับทาง นายก อบต.เขาตัดสินใจไม่ได้หนูแล้แม่พยามเข้าพบ นายกหลายครั้งเข้าก็ไม่ให้พบเลี่ยงตลอด สุดท้ายที่ 2 งานนี้ทางบ้านหนูก็ยังไม่ได้คำตอบจากหน่วยงานรัฐว่า ตอนเป็น นส.3 มี 8 ไร่กว่า พอเป็นโฉนดเหลือ 7ไร่กว่า เพราะเหตุใด หนูส่งหนังสือถึงผู้ว่า ผู้ว่าให้ศูนย์ดำรงธรรมมาตรวจสอบก็ยังไม่มีหนังสือแจ้งกลับมาว่าอย่างไร จริงรายละเอียดมีเยอะมากค่ะ หนูต้องทำอย่างไรค่ะถึงจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ 2 งานนี้ว่าหายไปได้อย่างไร และที่ปัจจุบันนี้เป็นของใคร

Leave a reply to magnabrain Cancel reply